วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เมื่อแฟนผมให้ผมไปออกเดทกับหญิงอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่เธอ





หลังจากที่แต่งงานมาได้   21   ปี 
ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ 




เพรา ะ....วันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้องออกเดทกับผู้หญิงคนหนึ่ง 
มันเป็นไอเดียของเธอล้วน ๆ จริง ๆ นะ 


'   ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ '   ภรรยาผมพูด 
' แต่ผมรักคุณนี่ '   ผมเถียง 


' ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ด้วยเหมือนกัน ' 


ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ   ' แม่ '   ของผมเอง   
ซึ่งเธอเป็นหม้ายและใช้ชีวิตเพียงลำพังกับสัตว์เลี้ยงมา   19   ปีแล้ว 


เนื่องจากงานที่รัดตัว ทั้งเจ้านายและลูกค้าที่ผมจะต้องรับผิดชอบ 
และยังมีภรรยาและลูก ๆ ที่ต้องดูแล 
ทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น 


ผมตอบตกลงกับภรรยา และขอบคุณที่เธอให้โอกาสเช่นนั้น 
วันที่ผมโทรไปหาแม่ เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง 
แม่ถามผมว่า   ' มีอะไรหรือ ?   ลูกสบายดีรึเปล่า ?' 
แม่คิดว่าการที่ผมโทรมาหาอย่างกระทันหัน 
หมายความว่ า   มีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น   
ผมตอบแม่ว่า   ' ไม่มีอะไรคับ ก็อยากคุยกับแม่ และคงจะดีมาก ถ้าเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ตามลำพังสองคนแม่ลูกบ้าง ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ ดูหนังด้วยกันสักเรื่อง ' 
แม่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า   ' ได้สิจ๊ะ แม่ยินดีมากเลยจ้ะ ' + ' แล้วลูกมีเวลาว่างแล้วเหรอจ๊ะ หยุดงานได้เหรอ ' ... 
เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถไปรับแม่ที่บ้าน   
ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย 


เมื่อผมไปถึงบ้านแม่ ผมก็สังเกตได้ว่า 
แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน   
แม่สวมเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว 


แม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้าย 
พลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์ 


แม่บอกเพื่อน ๆ ว่า   ' จะออกไปเที่ยวกับลูกชาย '     
แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ   เพื่อน ๆ ของแม่ต่างพากันประทับใจยกใหญ่ 


เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่ก็ดีเยี่ยม   
บรรยากาศก็อบอุ่นสบาย ๆ มาก ๆ   
ผมวางแผนว่าต้องเป็นร้านในสไตล์ที่แม่ต้องชอบ 


แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง 


หลังจากที่เรานั่งเรียบร้อยแล้ว   
ผมต้องเป็นฝ่ายอ่านเมนูอาหาร   
เพราะแม่บอกว่า   ' ตอนนี้สายตาของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น ' 


เมื่อผมอ่านเมนูอาหารไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง 
จึงหยุดเว้นจังหวะ เพื่อให้แม่ได้เลือกรายการอาหาร 
ผมเงยหน้าขึ้น   มองเห็นแม่กำลังจ้องมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึกถึงความหลัง 


แม่พูดเปรยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า   
' ตอนที่ลูกยังเด็ก แม่ต้องเป็นคนอ่าน เมนูให้ลูกฟังหลายรอบ '   


ผมบอกแม่ว่า   ' งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟังสบาย ๆ บ้างแล้ว '  


ในระหว่างมื้ออาหารนั้น เราคุยกันอย่างถูกคอ - ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร - 
เพียงแต่สลับกันถาม ว่าชีวิตของเรา 
เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทัน 
...


เมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน แม่พูดว่า   ' แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกอีกนะ ' - 
' แต่คราวนี้ลูกต้องยอมให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ ' 
' แน่นอนครับ '   ผมตอบตกลง 


' ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง ?'   ภรรยาถาม เมื่อผมกลับถึงบ้าน 
' วิเศษมาก ๆ ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย '   ผมตอบ 


อีกไม่กี่วันต่อมา แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน 
มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย 


หลายวันต่อมา   
ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไป 
มีโน๊ตเล็กๆแนบมาด้วยว่า... 


' แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปอีกครั้งไม่ได้ - 
แต่... แม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือ สำหรับลูกกับภรรยา - ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่าวันนั้นมีความหมายต่อแม่มากแค่ไหน ,   รักลูกมากจ๊ะ ' 


ณ วินาทีนั้น ผมได้เข้าใจถึงความสำคัญของการกล่าวคำว่า   '' รัก ' 
ต่อคนที่เรารัก ในช่วงเวลาที่เค้าต้องการมัน 


ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ 
จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกเค้าต้องการคุณ 
เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่งได้ 


- มีบางคนบอกว่า หลังจากที่คลอด ลูกแล้วต้องใช้เวลาพักฟื้นราว   6   สัปดาห์ แม่จึงจะคืนสภาพเดิม 
คนนั้นไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้เป็นแม่คนแล้ว ไม่มีคำว่าคนเดิมอีกต่อไป 
- บางคนบอกว่า คนเราเรียนรู้การเป็นแม่ได้เองตามสัญชาติญาณ 
คนนั้นไม่เคยพาลูกสามขวบไปซูเปอร์มาร์เกต 
- บ?งคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นน่าเบื่อ 
คนนั้นไม่เคยนั่งรถที่ลูกวัยรุ่นขับ หลังจากที่ได้ใบขับขี่มาหมาด ๆ 
- บางคนบอกว่า ถ้าคุณเป็นคนดี ลูกออกมาก็จะดีเอง 
คนนั้นนึกว่าเด็กคลอดออกมาพร้อมกับคู่มือการใช้และใบรับประกัน 
- บาง คนบอกว่า แม่ที่ดีไม่ควรขึ้นเสียงกับลูก 
คนนั้นไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านออกมา ทันได้เห็นลูกหวดลูกบอลเข้าใส่หน้าต่างครัวของเพื่อนบ้านพอดิบพอดี 
- บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นไม่ต้องมีการศึกษาก็ได้ 
คนนั้นไม่เคยช่วยลูกที่กำลังเรียน ป. 4   ทำการบ้านเลข 
- บางคนบอกว่า แม่รักลูกคนที่ห้าไม่เท่าลูกคนแรก 
คนนั้นไม่เคยมีลูกห้าคน 
- บางคนบอกว่า ช่วงที่ยากที่สุดของการเป็นแม่ คือตอนคลอดและตอนเลี้ยง 
คนนั้นไม่เคยยืนดูลูกขึ้นรถเมลไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก 
ไม่เคยส่งลูกเข้าห้องหอในคืนแต่งงาน 
- บางคนบอกว่า งานของแม่นั้นหมู ๆ ปิดตาสองข้าง หรือมัดมือไว้ข้างหนึ่งก็ยังไหว 
คนนั้นไม่เคยสอนการออกเดินขายขนมให้กับเหล่ายุวนารี 
ที่กระจุ๊กกระจิ๊กคิกคักกันอยู่ตลอดเวลา 
- บางคนบอกว่า แม่เลิกกังวลได้แล้ว หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไป 
คนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือการนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่ 
- บางคนบอกว่างานของแม่ สิ้นสุดลงเมื่อลูกคนสุดท้ายออกจากบ้านไป 
คนนั้นไม่เคยมีหลานยาย หรือหลานย่า 
- บางคนบอกว่า แม่รู้ดีอยู่แล้วว่าคุณรักท่าน เพราะงั้น ไม่ต้องบอกท่านก็ได้ 
คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน..... 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น